อันตรายจากสารเคมีในผักแม้ว่าในปัจจุบัน เทคโนโลยีในเรื่องของการเพาะปลูกทำการเกษตรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้เวลาน้อยลงแต่ได้ผลผลิตมาก ส่งผลให้การตอบสนองต่อการความต้องการของตลาดนั้นเกิดการคล่องตัว แต่สิ่งหนึ่งที่มักจะตามมาอยู่เสมอก็คือ การใช้สารเคมี ในการเพาะปลูก เช่น ยาเร่งโต ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ที่มักได้ผลดีขึ้นแรงขึ้น แต่สามารถทำลายสุขภาพได้มากขึ้นอีก
กรมควบคุมโรคได้เปิดเผยข้อมูลว่า มีเกษตรกรที่ป่วยจากใช้สารเคมีในเพาะปลูกมากถึงปีละ 10000 คน ทั้งแบบเฉียบพลันและสะสม ซึ่งอาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคเนื้อเน่า หรือติดเชื้อในกระแสเลือด อาจนำไปสู่การพิการหรือเสียชีวิตได้ เนื่องจากอาจมีการสัมผัสกับสารเคมีโดยไม่ได้ตั้งใจจากกระบวนการทำงานบางขั้นตอน
มีผู้ป่วยจากการบริโภคสารตกค้างในผักสูงถึง 1,715 ราย (ปี 2559 – 2561) โดยผู้ป่วยจะมีอาการ ปวดหัว แผลติดเชื้อ อาเจียน อ่อนแรง ปวดกล้ามเนื้อ และเกิดการสะสมจนกลายเป็นโรคร้าย เช่น มะเร็งต่างๆ โรคผิวหนัง การเสื่อมมรรถภาพ และอาจเกิดอันตรายกับทารกในครรภ์ได้ อาจถึงขั้นติดเชื้อจนพิการและเสียชีวิตได้ ขึ้นอยู่กับอาการแพ้ และความรุนแรง ปริมาณ ของสารเคมีที่รับเข้าไป
เนื่องจากผู้บริโภคนั้นต้องการบริโภคผลผลิตที่มีความสมบูรณ์สวยงาม ไม่มีร่องรอบหรือตำหนิ เกษตรกรก็ต้องการขายในปริมาณที่สูงและจำนวนมากโดยคัดทิ้งให้น้อยที่สุด การใช้สารเคมีไม่ว่าจะยาเร่งโต ปุ๋ยเคมี และยาฆ่าแมลง จึงเป็นทางออกที่สะดวกสำหรับปัญหานี้ เพื่อรับประกันว่าผลผลิตจะไม่เสียหาย และตรงต่อความต้องการของตลา
ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้นนั้นสวนทางกับพื้นที่การเกษตรที่ลดลงเรื่อยๆในทุกๆปี จนทำให้การใช้สารเคมีกลายเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ในภาคการเกษตรขนาดใหญ่ มีการคาดการณ์ว่าหากหยุดใช้สารเคมีในทันทีนั้น การผลิตสินค้าทางการเกษตรนั้นจะลดลงถึง 27% เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามการตระหนักในเรื่องสารเคมีจากการทำเกษตรกรรมนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน ทางเลือกการบริโภคที่ปลอดสารพิษกลายเป็นทางเลือกทีดกว่า การทำเกษตรอินทรีย์ เริ่มได้รับความนิยม ถึงแม้จะมีราคาที่สูงกว่าแต่ก็แลกมาด้วยสุขภาพที่ดีกว่า สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ เลย
อ่านบทความสาระของเราต่อ ที่นี่ เลย
บริษัท ชีวา ออร์แกนิค เฮิร์บ จำกัด
เลขที่ 9 ซ.ศรีนครินทร์ 38 แขวงหนองบอน
เขตประเวศ กทม. 10250
